คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ PPE (FAQ)

PPE ต้องตรวจสอบอย่างไรบ้าง : วิธีตรวจสอบและบำรุงรักษา PPE

1 PPE ที่ต้องมีการตรวจสอบประจำปีและใบรับรอง (Certificate)

การตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE) เป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์เหล่านั้นอยู่ในสภาพดี สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย และเหมาะสมสำหรับการป้องกันอันตรายในงานต่าง ๆ การตรวจสอบ PPE มีขั้นตอนและรายละเอียดที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยการตรวจสอบจะเน้นไปที่การดูสภาพ ความสมบูรณ์ ความสะอาด รวมถึงการทดสอบการใช้งานต่างๆ ทั้งนี้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรือความเสี่ยงต่อชีวิตและสุขภาพของผู้ใช้งาน

ประเภทของ PPE และขั้นตอนการตรวจสอบ

การตรวจสอบ PPE มีหลักเกณฑ์พื้นฐานที่ใช้ได้กับอุปกรณ์ทุกประเภท ดังนี้

  1. การตรวจสอบก่อนการใช้งาน
    • ตรวจสอบสภาพภายนอก เช่น ไม่มีรอยฉีกขาด ชำรุด หรือเปลี่ยนสภาพจากปัจจัยภายนอก
    • ตรวจสอบการทำงาน เช่น สายรัด หรือล็อกอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้และไม่หลวม
    • ตรวจสอบอายุการใช้งาน : PPE บางประเภทมีการกำหนดอายุการใช้งาน ดังนั้นควรตรวจสอบวันหมดอายุหรือระยะเวลาที่ใช้งานแล้วอย่างสม่ำเสมอ
  2. การตรวจสอบหลังการใช้งาน
    • หลังจากใช้ PPE เสร็จสิ้น ควรตรวจสอบอุปกรณ์อีกครั้ง เพื่อดูว่ามีการเสียหายหรือสึกหรอหรือไม่ และควรทำความสะอาดทุกครั้งก่อนเก็บรักษา เพื่อยืดอายุการใช้งานและลดการสึกหรอ
  3. การตรวจสอบตามระยะเวลา (Periodical Inspection)
    • PPE บางประเภทจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญหรือบุคลากรที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นประจำ เช่น การตรวจสอบทุก 6 เดือน หรือทุกปี ขึ้นอยู่กับประเภทของอุปกรณ์นั้น ๆ

2 PPE ต้องตรวจสอบอย่างไรบ้าง -

PPE ประเภทที่ซ่อมได้และซ่อมไม่ได้

การซ่อมแซม PPE ขึ้นอยู่กับชนิดของอุปกรณ์และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน PPE บางประเภทสามารถซ่อมได้ หากการเสียหายไม่กระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ แต่อุปกรณ์บางประเภทไม่สามารถซ่อมแซมได้ เนื่องจากอาจทำให้เกิดความเสี่ยงหรือประสิทธิภาพการป้องกันลดลง

PPE ที่ซ่อมได้

  1. หมวกนิรภัย (Safety Helmets)
    • อาจมีส่วนประกอบบางส่วนที่สามารถซ่อมแซมได้ เช่น สายรัดที่ขาดหรือคลิปล็อกที่เสียหาย สามารถเปลี่ยนใหม่ได้
    • อย่างไรก็ตามหากตัวหมวกมีรอยแตก หรือเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ควรเปลี่ยนหมวกใหม่ทันที
  2. แว่นตานิรภัย (Safety Glasses)
    • หากกรอบแว่นเกิดความเสียหาย สามารถซ่อมแซมได้ แต่หากเลนส์มีรอยขีดข่วนมาก หรือมีการแตก ควรเปลี่ยนเลนส์ใหม่
  3. เข็มขัดนิรภัย (Safety Harnesses)
    • ส่วนประกอบบางอย่าง เช่น สายรัดหรือตะขอ สามารถเปลี่ยนได้ แต่หากตัวเข็มขัดมีการฉีกขาดหรือเสียหาย ควรเปลี่ยนทั้งชุด

PPE ที่ซ่อมไม่ได้

  1. ถุงมือนิรภัย (Safety Gloves)
    • ถุงมือที่ขาดหรือมีรอยแตกไม่สามารถซ่อมได้ เนื่องจากจะลดประสิทธิภาพในการป้องกัน ควรเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งเมื่อพบความเสียหาย
  2. หน้ากากกรองอากาศ (Respirators)
    • หน้ากากกรองอากาศ หากชำรุดหรือตัวกรองเสียหาย ไม่สามารถซ่อมได้ ควรเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทั้งหมด เนื่องจากการซ่อมอาจทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันลดลง
  3. ชุดป้องกันสารเคมี (Chemical Protective Suits)
    • ชุดที่ได้รับความเสียหาย เช่น มีรอยฉีกขาด หรือการเสื่อมสภาพของวัสดุไม่สามารถซ่อมได้ เนื่องจากจะเสี่ยงต่อการรั่วไหลของสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย
  4. เครื่องช่วยหายใจแบบถังอากาศ (SCBA : Self-Contained Breathing Apparatus)
    • หากถังอากาศหรือหน้ากากเกิดความเสียหาย ควรเปลี่ยนทันที เนื่องจากการซ่อมแซมอาจไม่สามารถรักษาประสิทธิภาพเดิมไว้ได้

3 PPE ที่ต้องมีการตรวจสอบประจำปีและใบรับรอง (Certificate)

PPE ที่ต้องมีการตรวจสอบประจำปีและใบรับรอง (Certificate)

PPE บางประเภทมีข้อกำหนดทางกฎหมายหรือข้อกำหนดทางมาตรฐานที่ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการใช้งาน อุปกรณ์เหล่านี้มักต้องมีการตรวจสอบประจำปีและมีใบรับรองการตรวจสอบ ดังนี้:

  1. เครื่องช่วยหายใจแบบถังอากาศ (SCBA: Self-Contained Breathing Apparatus)
    • อุปกรณ์นี้เป็นหนึ่งใน PPE ที่มีความซับซ้อน และใช้ในงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การดับเพลิง การทำงานในพื้นที่ที่มีสารเคมีหรืออากาศเป็นพิษ ซึ่งต้องได้รับการตรวจสอบประจำปีและมีใบรับรองจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง
    • การตรวจสอบจะเน้นไปที่ระบบการทำงานของถังอากาศ ตัวกรองอากาศ หน้ากาก และส่วนประกอบอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ทำงานได้อย่างถูกต้อง
  2. เข็มขัดนิรภัยและระบบยึดเกาะ (Fall Arrest Systems)
    • ระบบยึดเกาะและเข็มขัดนิรภัยเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำงานบนที่สูง ซึ่งต้องได้รับการตรวจสอบและมีใบรับรองประจำปี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมก่อสร้างหรือการทำงานที่เสี่ยงต่อการตกจากที่สูง
    • การตรวจสอบจะครอบคลุมถึงสภาพของสายรัด ตะขอ การเชื่อมต่อ และระบบป้องกันการตกทั้งหมด
  3. อุปกรณ์ป้องกันการตก (Lanyards, Lifelines)
    • อุปกรณ์เหล่านี้ต้องการการตรวจสอบประจำปี เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถรับน้ำหนักและทนต่อแรงกระแทกได้ตามมาตรฐานที่กำหนด
    • การตรวจสอบจะเน้นไปที่ความแข็งแรงของวัสดุ การทำงานของระบบล็อก และการป้องกันการฉีกขาดของสาย
  4. หมวกนิรภัยที่ใช้ในงานเฉพาะทาง
    • หมวกนิรภัยบางประเภท เช่น หมวกที่ใช้ในงานไฟฟ้า หรืองานที่เกี่ยวข้องกับวัตถุมีคม ต้องได้รับการตรวจสอบและใบรับรองการตรวจทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าวัสดุยังคงความสามารถในการป้องกันได้
  5. หน้ากากกรองอากาศที่ใช้ในงานที่มีสารพิษสูง
    • หน้ากากที่ใช้ในงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น งานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่มีพิษร้ายแรง จะต้องมีการตรวจสอบและใบรับรองประจำปี เพื่อให้แน่ใจว่าตัวกรองอากาศและระบบการป้องกันยังคงมีประสิทธิภาพ

การบำรุงรักษา PPE

การบำรุงรักษา PPE อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของอุปกรณ์ การบำรุงรักษาที่ถูกต้องควรประกอบด้วย

  1. การทำความสะอาด : PPE ควรได้รับการทำความสะอาดหลังจากใช้งานทุกครั้ง เช่น หน้ากากควรล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เข็มขัดนิรภัยและชุดป้องกันสารเคมีควรซักและตรวจสอบหลังการใช้งาน
  2. การจัดเก็บ : ควรจัดเก็บ PPE ในที่แห้งและสะอาด หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่มีแสงแดดส่องโดยตรงหรือมีความชื้นสูง
  3. การเปลี่ยนส่วนประกอบที่เสียหาย : ในกรณีที่มีส่วนประกอบบางส่วนของ PPE เสียหายหรือหมดอายุ เช่น แผ่นกรองของหน้ากาก หรือสายรัดของเข็มขัดนิรภัย ควรเปลี่ยนใหม่ทันที ไม่ควรฝืนใช้งานต่อไป

การตรวจสอบและบำรุงรักษา PPE อย่างถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานอุปกรณ์ที่ไม่สมบูรณ์ และยังช่วยรักษาสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ